สรรพคุณและสิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับขิง | |
ขิง ส่วนใหญ่ใช้รับประทาน ซึ่งสามารถนำมาใช้ทำอาหาร แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ และเครื่องดื่มได้หลากหลาย เช่น ขิงอบ ขิงยำ ชาขิง ขิงน้ำผึ้งมะนาว และน้ำขิง ซึ่งมีผลดีต่อสุขภาพ เช่น ช่วยในการขับเสมหะ บรรเทาอาการแพ้และอักเสบ เสริมระบบภูมิคุ้มกัน และบรรเทาอาการท้องเสีย เป็นต้น
นอกจากนี้ ขิง ยังมีสรรพคุณทางการแพทย์อีกมากมาย เช่น ช่วยลดอาการคลื่นไส้ และอาเจียน บรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ลดอาการอักเสบของข้อเข่า และช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด นอกจากนี้ยังมีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ที่ชี้ว่า ขิง อาจมีส่วนช่วยลดอาการอักเสบและเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งได้อีกด้วย
ขิง (Ginger) เป็นสมุนไพรที่มีชื่อวิทยาว่า Zingiber officinale ซึ่งเป็นสายพันธุ์ของตระกูลขิง (Zingiberaceae) ซึ่งเป็นตระกูลพืชในกลุ่มของพืชอาหารและสมุนไพรในภูมิภาคร้อนของโลก ขิงมีรากที่เป็นส่วนที่ใช้ทาน โดยมีรสชาติร้อนและมีกลิ่นหอมเห็ด ขิงมีประโยชน์ทางการแพทย์และทางอาหารมากมาย ขิงที่มีอายุ 11-12 ปี จะมีรากขิงส่วนใหญ่ที่อยู่ใต้ดิน รากจะมีลักษณะเป็นเหง้าสีน้ำตาล และขิงจะมีรสชาติและกลิ่นของขิงที่เข้มข้นมากขึ้น และมีสารอาหารที่สร้างอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามการปลูกขิงในระยะเวลานานอาจทำให้ต้นขิงเกิดการเหนียวหนาวหรือเน่า จึงควรมีการดูแลรักษาและการจัดการที่เหมาะสมในการปลูกขิงในระยะเวลายาวนาน รวมทั้งควรตรวจสอบความสมบูรณ์และสภาพของต้นขิงเพื่อให้ได้รับประโยชน์ที่ดีที่สุดจากขิงที่มีอายุมากขึ้น สารสกัดจาก ขิง
เป็นสารสกัดที่ได้มาจากขิงโดยใช้วิธีการสกัดของสารสกัดจะมีความเข้มข้นและคุณสมบัติที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับกระบวนการสกัดที่ใช้ สารสกัดขิงส่วนใหญ่มีส่วนประกอบหลัก คือ gingerol, shogaol, zingerone และอินทรีย์อื่น ๆ
สารสกัดจากขิงมีหลายรูปแบบและส่วนประกอบที่สำคัญ ดังนี้
จินเจอร์รอล (Gingerol) เป็นสารสกัดที่มีคุณสมบัติต้านอักเสบและต้านการออกฤทธิ์ของสารที่ก่อให้เกิดอาการอักเสบในร่างกาย เช่น prostaglandins ซึ่งเป็นสารที่เกี่ยวข้องกับอาการปวด จินเจอร์รอล ยังมีสมบัติต้านเกร็งของกล้ามเนื้อ และช่วยกระตุ้นกระบวนการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย
โชกาออล (Shogaol) เป็นสารสกัดที่มีคุณสมบัติต้านอักเสบและเป็นสารที่ช่วยลดการติดเชื้อของเชื้อแบคทีเรีย
ซิงเจอโรน (Zingerone) เป็นสารสกัดที่มีกลิ่นหอมและรสชาติพิเศษ มีคุณสมบัติต้านออกฤทธิ์ของสารที่เป็นสาเหตุของอาการอักเสบ และมีฤทธิ์ขับลมในกระเพาะอาหาร
นอกจากนี้ยังมีสารสกัดอื่น ๆ ที่มีความสำคัญในขิง เช่น สารสกัดจินเจอรอล (gingerols) และสารสกัดเทอร์เพนท์ (terpenes) ซึ่งมีคุณสมบัติต้านออกฤทธิ์ของเชื้อแบคทีเรีย และสารสกัดสารออกฤทธิ์และสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidants) ที่ช่วยลดอันตรายจากอนุมูลอิสระในร่างกาย
สารสกัดจากขิงมีคุณสมบัติทางสุขภาพที่มีประโยชน์ เช่น ช่วยบรรเทาอาการอักเสบ ลดอาการปวด กระตุ้นกระบวนการเผาผลาญพลังงาน และมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย อย่างไรก็ตาม ควรปฏิบัติตามคำแนะนำและข้อควรระวังของผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์ เมื่อใช้สารสกัดจากขิงเพื่อใช้ประโยชน์ในการดูแลสุขภาพ
สารสกัดขิงมีคุณสมบัติทางสุขภาพและการแพทย์
1. สมบัติต้านการอักเสบ สารสกัดขิงมีสมบัติต้านการอักเสบซึ่งสามารถช่วยลดอาการอักเสบและบวมได้ เช่นในกรณีการใช้เป็นยาสำหรับการบรรเทาอาการอักเสบของข้อ หรือการรักษาอาการแพ้ท้อง
2. สมบัติต้านเกร็งและบรรเทาอาการปวด สารสกัดขิงมีคุณสมบัติที่ช่วยบรรเทาอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ และลดอาการปวดที่เกิดจากการอักเสบหรือการบาดเจ็บ เช่นในกรณีการใช้เป็นยาสำหรับการบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อหลังหรือปวดข้อ
3. สมบัติกระตุ้นการเผาผลาญพลังงาน สารสกัดขิงสามารถกระตุ้นกระบวนการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย ช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมันและส่งผลในการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนักได้
4. สมบัติฆ่าเชื้อแบคทีเรีย สารสกัดขิงมีความสามารถในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียบางชนิด เช่นเชื้อ Salmonella, Escherichia coli (E. coli) และ Bacillus subtilis
การใช้สารสกัดขิงสามารถมีในรูปแบบการบริโภคผ่านอาหารหรือเครื่องดื่ม หรือใช้ในรูปแบบผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์หรือเสริมสุขภาพ แต่ควรปฏิบัติตามคำแนะนำและปริมาณการใช้ที่ถูกต้องตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์
สรรพคุณและประโยชน์ของขิง
ขิง มีสรรพคุณและประโยชน์มากมายต่อร่างกายและสุขภาพของเรา
1. บรรเทาอาการคลื่นไส้และอาเจียน ขิงมีสมบัติต้านการอาเจียนและลดอาการคลื่นไส้ จึงมักถูกใช้ในการบรรเทาอาการคลื่นไส้และอาการอาเจียนที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวหรือสะเทือน เช่น คลื่นไส้ระหว่างการเดินทางหรืออาการอาเจียนที่เกิดจากภาวะแย่งกันระหว่างยาที่ใช้รักษา
2. ลดอาการอักเสบและบวม ขิงมีสมบัติต้านการอักเสบซึ่งสามารถช่วยในการลดอาการอักเสบและบวมได้ เช่น อาการอักเสบของข้อเข่า ข้อศอก หรือการอักเสบของเส้นประสาท
3. ลดอาการปวด สมุนไพรขิง มีคุณสมบัติที่ช่วยบรรเทาอาการปวดได้ ซึ่งมีประโยชน์ในการรักษาอาการปวดที่เกี่ยวกับอาการอักเสบ เช่น ปวดกล้ามเนื้อ ปวดฟัน หรือปวดเมื่อยตามตัว
4. ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน การบริโภคขิง สามารถกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ โดยเพิ่มปริมาณเซลล์มะเร็งและอัตราการเอาออกของโมเลกุลที่เกี่ยวข้องกับการต่อต้านเซลล์มะเร็ง
5. ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด การบริโภคขิงอย่างสม่ำเสมอ อาจช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญในการควบคุมระดับน้ำตาลในผู้ที่เป็นเบาหวาน
6. กระตุ้นการหมุนเวียนเลือด ขิง มีสมบัติที่ช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนเลือด ซึ่งช่วยในการลดความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดและการเกิดภาวะหัวใจขาดเลือด
7. บรรเทาอาการไข้หวัด ขิง มีสมบัติที่ช่วยต้านการอักเสบและช่วยในการบรรเทาอาการหวัดและไข้ โดยเฉพาะในช่วงแรกของการติดเชื้อ เมื่อมีอาการบวมและอักเสบในทางเดินหายใจ
ที่มา: HOTTA Ginger
| |
ผู้ตั้งกระทู้ Ginger Expert :: วันที่ลงประกาศ 2023-06-20 10:50:16 |